ตอนที่ ๖
๑. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺฐาเปสุ “อโห อจฺฉริยํ จูเฬกสาฏกสฺส กมฺมํ ตํมุหุตฺตเมว สพฺพจตุกฺกํ ลภิ อิทานิ กเตน กลฺยาณกมฺเมน อชฺชเมว วิปาโก ทินฺโน”ติ.
๒. สตฺถา อาคนฺตฺวา “กาย นุตฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา”ติ ปุจฺฉิตฺวา “อิมาย นามา”ติ วุตฺเต “ภิกฺขเว สจายํ เอกสาฏโก ปฐมยาเม มยฺหํ ทาตุ อสกฺขิสฺส สพฺพโสฬสกํ อลภิสฺส.
๓. สเจ มชฺฌิมยาเม อสกฺขิสฺส สพฺพฏฺฐกํ อลภิสฺส พลวปจฺฉิมยาเม ทินฺนตฺตา ปเนส สพฺพจตุกฺกํ ลภิ.
๔. กลฺยาณกมฺมํ กโรนฺเตน หิ อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ อหาเปตฺวา ตงฺขณญฺเญว กาตพฺพํ. ทนฺธํ กตํ กุสลญฺหิ สมฺปตฺตึ ททมานํ ทนฺธเมว ททาติ.
๑. อ. ภิกษุ
ท. ยังวาจาเป็นเครื่องกล่าว ว่า โอ ! อ. กรรม ของพราหมณ์ชื่อว่าจูเฬกสาฎก
เป็นกรรมอันน่าอัศจรรย์ (ย่อมเป็น), อ. พราหมณ์ชื่อว่าจูเฬกสาฎกนั้น ได้แล้ว
ซึ่งประมาณ ๔ แห่งวัตถุทั้งปวง สิ้นกาลครู่หนึ่งนั่นเทียว อ. วิบาก อันกรรมอันงาม
อัน ๆ พราหมณ์ชื่อว่าจูเฬกสาฎกนั้น กระทำแล้ว ในที่เพียงดังนา ในกาลนี้นั่นเทียว
ให้แล้ว ในวันนี้นั่นเทียว ดังนี้ ให้ตั้งขึ้นพร้อมแล้ว
ในโรงเป็นที่กล่าวกับด้วยการแสดงซึ่งธรรม ฯ
๒. อ.
พระศาสดา เสด็จมาแล้ว ตรัสถามแล้ว ว่า ดูก่อนภิกษุ ท. อ. เธอ ท. เป็นผู้นั่งพร้อมกันแล้ว
ด้วยวาจาเป็นเครื่องกล่าว อะไร หนอ ย่อมมี ในกาลนี้ ดังนี้, (ครั้นเมื่อคำ) ว่า
(อ. ข้าพระองค์ ท. เป็นผู้นั่งพร้อมกันแล้วด้วยวาจาเป็นเครื่องกล่าว) ชื่อนี้
(ย่อมมี ในกาลนี้) ดังนี้ (อันภิกษุ ท. เหล่านั้น) กราบทูลแล้ว ตรัสแล้ว ว่า
ดูก่อนภิกษุ ท. ถ้าว่า อ. เอกสาฎก นี้ จักได้อาจแล้ว เพื่ออันถวาย แก่เรา
ในปฐมยามไซร้, อ. เอกสาฎกนั้น จักได้แล้ว ซึ่งประมาณ ๑๖ แห่งวัตถุทั้งปวง;
๓. ถ้าว่า อ.
เอกสาฎก นี้ จักได้อาจแล้ว เพื่ออันถวาย (แก่เรา) ในมัชฌิมยามไซร้ อ. เอกสาฎกนั้น
จักได้ได้แล้ว ซึ่งประมาณ ๘ (แห่งผ้าสาฎก ท.) เป็นผ้า (อันเอกสาฎกนั้น) ถวายแล้ว
ในกาลอันขจัดเฉพาะซึ่งมืดมีกำลัง ;
๔. จริงอยู่
อ. กรรมอันงาม (อันบุคคล) ผู้เมื่อกระทำ ยังจิตดวงเกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้เสื่อมแล้ว
พึงกระทำในขณะนั้นนั่นเทียว, ด้วยว่า อ. กุศล อัน ๆ บุคคลกระทำแล้ว ช้า เมื่อให้
ซึ่งสมบัติ ย่อมให้ช้านั่นเทียว ;
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น